Pattaya City

เมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างอาคารในพื้นที่ ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 แพร่กระจาย ป้องกันกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

เมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบการก่อสร้างอาคารในพื้นที่ ป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 แพร่กระจาย ป้องกันกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (13 ก.พ.63) เวลา 10.00 น. นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา มอบหมายให้นายสุธรรม เพ็ชรเกตุ รองปลัดเมืองพัทยา รักษาราชการแทนปลัดเมืองพัทยา ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการก่อสร้างที่เกี่ยวกับธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ ขนาดกลางและขนาดเล็ก ในพื้นที่รับผิดชอบของเมืองพัทยา โดยมีนายสุริยา แก้วเขียว หัวหน้าฝ่ายขออนุญาตอาคาร หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบจุดก่อสร้างในเขตเมืองพัทยา จำนวน 4 จุด ประกอบด้วย ถนนนาเกลือซอย 31 , ถนนพัทยากลางสาย 3 จำนวน 2 จุด และถนนนาจอมเทียนสายสอง ทั้งนี้เพื่อหาแนวทางการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 10 ที่แพร่กระจายระหว่างการก่อสร้าง เพื่อป้องกันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ด้วยปัจจุบันปรากฏว่าได้มีการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน และเคลื่อนย้ายอาคาร และโครงการก่อสร้างปรับปรุงสาธารณูปโภคในเขตพื้นที่เมืองพัทยา ที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน ก่อให้เกิดมลภาวะ เหตุเดือดร้อนรำคาญ มีผลกระทบต่อการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม การจราจร หรือทำให้สิ่งสาธารณประโยชน์ชำรุดเสียหายก่อนเวลาอันควร เพื่อเป็นการป้องกันและหาแนวทางแก้ไขระยะยาว ทั้งนี้เพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติในการก่อสร้าง ดัดแปลง รื้อถอน หรือเคลื่อนย้ายอาคาร และการก่อสร้างปรับปรุงสาธารณูปโภคในพื้นที่เมืองพัทยา เพื่อควบคุมและป้องกันการเกิดฝุ่นละอองจากการก่อสร้าง วันนี้จึงได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเขตก่อสร้าง จำนวน 4 จุด คือ

จุดที่ 1. การก่อสร้างอาคาร ค.ส.ล. 24 ชั้น 1 ชั้นใต้ดิน จำนวน 315 ห้อง ถนนนาเกลือซอย 31 จากการตรวจสอบพบว่า มีการขออนุญาตก่อสร้างเรียบร้อย ตัวอาคารก่อสร้างใช้ผ้าใบคลุมป้องกันเศษวัสดุไม่ครอบคลุมตัวอาคาร ไม่มีรางน้ำสำหรับล้างล้อรถเมื่อเข้า – ออก ในบริเวณเขตก่อสร้าง โดยใช้วิธีฉีดล้างล้อรถแทนและฉีดพรมน้ำบ้างบางครั้ง ไม่มีสปริงเกอร์ฉีดพรมน้ำ

จุดที่ 2. การก่อสร้างอาคาร ค.ส.ล. 8 ชั้น จำนวน 148 ห้อง ที่ถนนพัทยากลางสาย 3 จากการตรวจสอบ ได้มอบหมายสำนักการช่างออกหนังสือระงับก่อสร้างจนกว่าจะดำเนินการแก้ไข ตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมให้ถูกต้อง เนื่องจากการก่อสร้างไม่ได้มีวิธีการป้องกันด้านสิ่งแวดล้อม มีการทิ้งเศษปูน เศษดิน ข้างถนนและใช้พื้นที่ถนนสาธารณะเป็นส่วนหนึ่งของพื้นที่เขตการก่อสร้าง สร้างความเดือดร้อนผู้สัญจรไปมา

จุดที่ 3. การก่อสร้างอาคาร ค.ส.ล. 41 ชั้น 2 ชั้นใต้ดิน 1 หลัง จำนวน 802 ห้อง , อาคารพาณิชย์ 2 ห้อง ที่ถนนพัทยากลางสาย 3 จากการตรวจสอบพบว่า มีการขออนุญาตก่อสร้างเรียบร้อย ตัวอาคารก่อสร้างใช้ผ้าใบคลุมป้องกันเศษวัสดุไม่ครอบคลุมตัวอาคาร ไม่มีรางน้ำสำหรับล้างล้อรถเมื่อเข้า – ออก เขตก่อสร้าง เนื่องจากเพิ่งย้ายตำแหน่งทางเข้า – ออก เขตก่อสร้าง โดยใช้วิธีฉีดล้างล้อรถแทนและฉีดพรมน้ำ ไม่มีสปริงเกอร์ฉีดพรมน้ำ

  1. การก่อสร้างอาคาร ค.ส.ล. 2 ชั้น และดาดฟ้า ถนนนาจอมเทียนสายสอง จากการตรวจสอบพบว่าอยู่ระหว่างการขอใบอนุญาตก่อสร้าง โดยอาศัยใบรับแจ้งการก่อสร้างดัดแปลง หรือรื้อถอนอาคาร ตามมาตรา 39 ทวิ เพื่อดำเนินการก่อสร้างทดแทนระหว่างออกใบอนุญาตการก่อสร้าง และตัวอาคารก่อสร้างใช้ผ้าใบคลุมป้องกันเศษวัสดุไม่ครอบคลุมตัวอาคาร ไม่มีรางน้ำสำหรับล้างล้อรถเมื่อเข้า-ออกเขตก่อสร้าง เนื่องจากเพิ่งย้ายตำแหน่งทางเข้า – ออก เขตก่อสร้าง โดยใช้วิธีฉีดล้างล้อรถแทนและฉีดพรมน้ำ วันละ 2 ครั้ง เช้า – บ่าย ไม่มีสปริงเกอร์ฉีดพรมน้ำ

จากการลงพื้นที่ตรวจสอบทั้ง 4 จุด นี้ เมืองพัทยาได้ชี้แจงบริษัทก่อสร้าง ทั้ง 4 แห่ง ดังกล่าว ให้ยึดถือปฏิบัติตามระเบียบ ดังนี้

  • ให้รถขนส่งวัสดุและอุปกรณ์ก่อสร้างทั้งหมดล้างเศษดินทรายออกจากล้อรถ ก่อนออกจากพื้นที่ก่อสร้าง ตลอดระยะเวลาการก่อสร้างโครงการ
  • ฉีดพรมน้ำบริเวณถนนทางเข้าโครงการส่วนขยายอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ยกเว้นในวันที่มีฝนตกเพื่อให้ผิวทางมีความชื้นตลอดทั้งวัน เพื่อป้องกันการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง
  • ใช้ผ้าใบหรือวัสดุปกคลุมตัวอาคารที่ก่อสร้าง เพื่อป้องกันการตกหล่นของเศษดิน เศษวัสดุ และลดการฟุ้งกระจายของฝุ่นละออง
  • ทำการขุดลอกรางระบายน้ำภายในโครงการทั้งหมดอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง ในช่วงเดือนเมษายน เพื่อเตรียมความพร้อมของรางให้สามารถระบายน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ให้มีการรักษาความสะอาดภายในพื้นที่ก่อสร้างให้ได้มากที่สุด เพื่อลดปริมาณการเกิดอุบัติเหตุต่างๆ
    นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้บริษัทก่อสร้าง ทั้ง 4 จุด ทำรายงานสรุปก่อนและหลังดำเนินการแก้ไขเสนอต่อเมืองพัทยา หากไม่ดำเนินการตามนโยบายของเมืองให้ถูกต้อง เมืองพัทยาจะสั่งระงับการก่อสร้าง และดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

Last modified: 17 กุมภาพันธ์ 2020